8 วิธีแก้ท้องผูก ฉบับเข้าใจง่าย ไม่ยากเกินเอื้อม
ปัญหากวนใจของคนทุกเพศทุกวัย ท้องผูก หมายถึง ภาวะที่ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือถ่ายอุจจาระยาก อุจจาระแข็ง ถ่ายไม่ออก รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง ท้องอืด บางคนอาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ท้องผูกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย พบมากในผู้สูงอายุ ผู้หญิงตั้งครรภ์ และคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย
ท้องผูกอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ดื่มน้ำน้อย รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย กินอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง ออกกำลังกายน้อย เครียด ท้องผูกเรื้อรังอาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ เป็นต้น
หากมีอาการท้องผูกควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหารให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษา
สารบัญ
สาเหตุของท้องผูก
มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก ดังนี้
- ดื่มน้ำน้อย
- กินอาหารที่มีกากใยต่ำ
- ออกกำลังกายน้อย
- นั่งทำงานหรืออยู่นิ่งๆ เป็นเวลานาน
- กินยาบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยาแก้ปวด ยาลดความดันโลหิต
- มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
อาการของท้องผูก
อาการของท้องผูก มักมีอาการดังต่อไปนี้
- ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ถ่ายอุจจาระลำบาก อุจจาระแข็ง
- ถ่ายไม่ออก หรือถ่ายไม่หมด
- ปวดท้อง
- รู้สึกอึดอัดในท้อง
- มีอาการท้องอืด
8 วิธีแก้ท้องผูก ฉบับเอาอยู่ ไม่ปวดก้น
ต่อไปนี้เป็น 8 วิธีแก้ท้องผูกง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน ช่วยให้ขับถ่ายอย่างสบายท้อง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบขับถ่าย ช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ถ่ายง่ายขึ้น ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หรือ 8 แก้ว
- ดื่มน้ำเปล่าเป็นประจำระหว่างวัน
- ใส่น้ำผลไม้หรือผักลงไปในน้ำดื่มเพื่อให้รสชาติดีขึ้น
- ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำมะนาวในตอนเช้า
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง
อาหารที่มีไฟเบอร์สูง กากใยอาหารช่วยดูดซับน้ำ ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ถ่ายง่ายขึ้น ผักและผลไม้เป็นแหล่งกากใยอาหารที่ดี เช่น ผักใบเขียว ผักกาดหอม แครอท แตงกวา มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอ บร็อคโคลี เป็นต้น
- เลือกรับประทานธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
- รับประทานถั่วและเมล็ดพืชเป็นประจำ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวได้ง่ายขึ้น ผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
- หาเวลาเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา
ควรหาเวลาเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาหลังรับประทานอาหารเช้าหรือหลังตื่นนอน เพราะช่วงนี้ลำไส้จะทำงานได้ดี
การเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลาจะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกควรเข้าห้องน้ำหลังรับประทานอาหารเช้าประมาณ 30 นาที หรือเมื่อรู้สึกปวดถ่าย
- ตั้งนาฬิกาปลุกให้ลุกเข้าห้องน้ำหลังรับประทานอาหารเช้า
- หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ
- รับประทานอาหารที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
อาหารบางชนิดมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เช่น มะละกอสุก ลูกพรุน เมล็ดเจีย และแอปเปิ้ล หรือ lifepak (ไลฟ์ แพค) วิตามินผัก ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอาจลองรับประทานอาหารเหล่านี้ดู
- รับประทานมะละกอสุก 2-3 ชิ้นหลังรับประทานอาหารกลางวัน
- รับประทานลูกพรุน 5-10 ลูกก่อนนอน
- รับประทานเมล็ดเจีย 1-2 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า
- รับประทานแอปเปิ้ล 1 ลูกหลังรับประทานอาหารเย็น
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลเสียต่อการขับถ่าย
อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดอาจส่งผลเสียต่อการขับถ่าย เช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มคาเฟอีน ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกควรหลีกเลี่ยงการรับประทานและดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารปิ้งย่าง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป เช่น ขนมขบเคี้ยว อาหารสำเร็จรูป
- หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์
ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ เช่น มอร์ฟีน โคเดอีน ทรามาดอล อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ หากจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
หากลองทำตามวิธีข้างต้นแล้วอาการท้องผูกยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดท้อง ถ่ายมีเลือดปน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษา
เคล็ดลับวิธีแก้ท้องผูก
นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว ยังมีเคล็ดลับเพิ่มเติมที่อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ เช่น
- ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำชาสมุนไพร เช่น ชามะตูม ชากระเจี๊ยบ ชามะขาม เป็นต้น
- รับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว
- หาเวลาเข้าห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ
- นั่งยอง
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟและชามากเกินไป
- หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ทำให้ท้องผูก
สรุป 8 วิธีแก้ท้องผูก ฉบับเข้าใจง่าย ไม่เครียด
ท้องผูก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรับประทานอาหารให้เหมาะสม หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษา